“มันเป็นความสุขใจลึกๆ เมื่อเห็นคนที่เรารักมีความสุข
แม้เราจะไม่มีส่วนในความสุขของเขาแม้แต่น้อย
แต่ก็ควรยินดีกับเขา....มิใช่หรอ”
ผมปิดสมุดบันทึกลงช้าๆ น้ำตาที่รื้นอยู่ไหลลงมาอาบแก้มจนรู้สึกอุ่น แต่ทำไมนะ มันกลับไม่มีผลต่อหัวใจที่เย็นชืดของผมเลย หรือว่าหัวใจผม มันได้ตายลงไปแล้ว ตายไปพร้อมๆ กับคนที่ผมรัก....
โทโมะจังย้ายมาอยู่ข้างบ้านผมตอนอายุ 9 ขวบ ตอนนั้นผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าโทโมะจังเป็นเด็กผู้หญิง จนกระทั่งได้คุยกัน แม้กระนั้นผมก็ยังรู้สึกเหมือนโทมะจังเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ อยู่ดี ผมรู้สึกชอบในตัวโทโมะจัง ผมไม่สามารถบอกได้ว่าผมชอบโทโมะจังแบบไหน ผมไม่เคยมีเพื่อนสนิทไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ผมเลยไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้น... ผมแค่รู้สึกดีที่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา โทโมะจังมักจะมานั่งเล่นที่ห้องของผมจนดึกดื่น และหลับบนเตียงของผมเป็นประจำ ผมมักจะลอบมองเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนและเผลอสัมผัสมันบ่อยครั้ง ดวงตากลมโตที่มักมองมาที่ผมเสมอๆ ริมฝีปากแดงอิ่มที่มอบรอยยิ้มสดใสให้ผม มันมีเสน่ห์แม้ยามเจ้าตัวหลับไหล ผมหลงรักสิ่งเหล่านี้ ผมหลงรักโทโมะจัง นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้ จนกระทั่งตอนนี้...
เรามักจะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน นั่งใกล้กัน กินข้าวกลางวันด้วยกัน ด้วยความที่โทโมะจังเหมือนเด็กผู้หญิงจึงมักจะโดนแกล้ง แม่ของเค้าเลยมักจะฝากให้ผมดูแล ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นภาระอะไร ...ผมเต็มใจ... แต่เรื่องราวมันเริ่มแย่ลงเมื่อเราต่างก็เข้าเรียนม.ปลายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ผมเริ่มมีเพื่อนใหม่ ชีวิตที่โลดโผนแบบเด็กผู้ชายเริ่มต้นขึ้น ผมไม่มีเวลาที่จะเดินกลับกับโทโมะจังเหมือนเดิม ผมเลือกที่จะเล่นฟุตบอลดึกๆ ดื่นๆ การมารอของโทโมะจังนำความลำบากใจมาให้ผม
“เฮ้ย! ดูนั่นสิ แฟนไอ้จินมารออีกแล้วว่ะ” เสียงโคคิดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงหัวเราะของเพื่อน ผมรู้สึกโกรธ ผมทิ้งลูกฟุตบอลวิ่งไปหาตัวต้นเรื่องที่ทำให้ผมอับอายอยู่ตอนนี้ ผมกึ่งลาก กึ่งกระชากโทโมะออกไปจากที่ตรงนั้น
“โอ๊ย ! จิน ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” โทโมะพยายามขืนตัว แต่ก็แพ้แรงผม ร่างบางเซถลา ทันทีที่ผมปล่อยมือ
“เจ็บหรอ โทโมะ... นายรู้มั้ย นายสร้างปัญหาให้ฉันแค่ไหน”
“สร้างปัญหา? ฉันหรอ ... ฉันแค่อยากกลับบ้านพร้อมจิน เหมือนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง”
“นายอยากกลับ นายก็กลับไปเลย ไม่ต้องมารอฉัน เข้าใจมั้ย”
“ไม่เข้าใจหรอก ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจินกลายเป็นแบบนี้... ยังไงฉันก็จะรอ” พูดจบ โทโมะก็วิ่งจากไป ผมไม่ได้เห็นแววตาคู่นั้น... ตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา
ผมกลับบ้านด้วยความเซ็งในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นฝนที่นึกอยากจะตกก็ตก หรือแม้แต่คำพูดถากถางของโคกิ .
.... ถ้าแกไม่ได้ชอบไอ้หน้าสวยนั่น แกก็ต้องพิสูจน์สิจิน.....
ผมอยากเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อน นั่นคือผมต้องสลัดโทโมะออกไปให้ได้
“จิน ลูกทะเลาะกับโทโมะจังรึเปล่า ทำไมวันนี้โทโมะจังเค้าไม่มากินข้าวที่บ้านเราล่ะลูก”
“ไม่ได้ทะเลาะนี่ฮะ ไปเที่ยวกับเพื่อนคนอื่นมั้งครับแม่”
“หรอ แม่นึกว่านั่งเหงาอยู่บ้านคนเดียวซะอีก ก็ครอบครัวเขาไปต่างจังหวัดกันหมดเลยนี่นะ”
“หรอฮะ” ผมยังคงจับจ้องกับเกมส์ แต่ในหัวนึกเป็นห่วงเจ้าของดวงตากลมโต
“จิน แม่ฝากเอาข้าวเย็นไปให้โทโมะจังหน่อยสิ เผื่อจะยังไม่ได้กิน”
“....”
“จิน”
“คร้าบบบบ”
ผมกดกริ่งหลายครั้ง แต่ไม่มีใครมาเปิดประตูเลย แถมประตูยังไม่ได้ล๊อกอีกด้วย ผมเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไปเอง ผมเดินเรียกโทโมะจังรอบบ้านแต่ไม่เห็นวี่แววของคนตัวเล็ก ผมจึงเดินขึ้นไปชั้นสองซึ่งเป็นห้องนอนของโทโมะจัง ผมเคาะประตูหลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ถึงตอนนี้ใจผมร้อนรนและเต้นแรงราวจะทะลุออกมานอกอก นึกเป็นห่วงต่างๆ นานา มือไวเท่าความคิดผมบิดลูกบิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นทำเอาผมหัวใจหล่นวูบ ร่างของโทโมะจังนอนอยู่กลางพื้นห้องนอน ทันทีที่ผมคว้าร่างนั้นขึ้นมากอด ก็รู้สึกได้ถึงไอร้อนของพิษไข้ ผมวางร่างนั้นบนเตียง ผมคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้พอๆ กับที่คุ้นเคยกับบ้านของผม ผมเคยมาบ้านนี้หลายครั้ง แม้หลังจากเข้าเรียนม.ปลายผมจะไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่ แต่บ้านนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ข้าวของทุกอย่างแทบจะรียกได้ว่ายังอยู่ที่เดิม
ผมตักน้ำใส่กะละมังพร้อมผ้าขนหนูที่หาได้ วางไว้ข้างตัวคนตัวเล็กที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ผมขยับเปิดไฟหัวเตียงเพื่อไล่ความมืด แสงสว่างยิ่งขับให้ผิวของโทโมะจังดูซีดเผือด ผมค่อยๆ ปลดกระดุมของโทโมะจังจากเม็ดบนสุดจนถึงเม็ดล่างสุด หัวใจผมเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก ผมเม้มริมฝีปากแน่น พยายามเก็บกดอารมณ์บางอย่างที่แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมเช็ดหน้าโทโมะจัง ร่างบางสะดุ้งน้อยๆ พยายามปัดป่าย ผมยึดมือนั้นไว้
....หนาว... หนาวจังเลย ....
ร่างบางสะท้านน้อยๆ พยายามคู้ตัว เพื่อหาความอบอุ่น ผมมองผ้าห่มผืนหนาที่คนตรงหน้าห่มอยู่ มันยังอุ่นไม่พอหรืออย่างไร.... ผมค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มนั้นและกอดโทโมะจังไว้ ร่างบางซุกกายเบียดเข้าหาร่างกายของผม ผมกอดร่างนั้นไว้แนบกาย ... กลิ่นสบู่อ่อนๆ ของโทโมะจังทำให้สติผมกระเจิง ผมค่อยๆ ซุกไซ้หาความหอมมาเรื่อยๆ จนต้องมาหยุดที่ริมฝีปากอิ่ม ร่างบางตอบรับสัมผัสนั้นอย่างอ่อนโยน เราจูบกันเนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออก เพราะกลัวร่างบางจะหายใจไม่ทัน ลมหายใจกระชั้นถี่ของร่างบางทำให้ผมแทบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่ผมก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า ... คืนนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมลืมตาตื่นมาราวกับฝันไป โทโมะยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ แก้มและปากสีชมพูอิ่มทำให้รู้ว่าอาการไข้คงทุเลาลงแล้ว
................Trrrrr Trrrrrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์ที่คุ้นหูดังขึ้น ผมควานหาโทรศัพท์ก่อนจะรับ
“เฮ้ย แกอยู่ไหนวะจิน อีกสิบนาทีอาจารย์นิชิโร่จะเข้าสอนแล้วนะโว้ย มาเลคเชอร์เลยแก” เสียงจุนโนะดังมาจากปลายสาย
“เออ เออ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ แต่อาจจะสายหน่อยนะ ... แกช่วยจองที่นั่งไว้ให้...” เสียงร่างบางขยับตัว ผมลดเสียงลงเพราะเกรงว่าจะรบกวนการนอนของเขา
“หืมม... จินหรอ... เมื่อคืนจินนอนที่นี่ทั้งคืนเลยหรอ” เสียงโทโมะดังพอที่จุนโนะจะได้ยิน
“แก...แกอยู่กับโทะโมะงั้นหรอ”...... แล้วสัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดหายไป
“ทำไมเมื่อเช้าแกไม่รับโทรศัพท์วะ จะโดดเรียนตอนเช้าก็ไม่บอกกันมั่ง ปล่อยให้ฉันนั่งหาวอยู่คนเดียว” โคกิโวยวายทันทีที่เห็นหน้าผม
“เออ พอดีมีธุระนิดหน่อยน่ะ แต่ฉันก็บอกจุนโนะไปแล้วนี่ว่าจะไปสายน่ะ” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ขืนบอกว่าพาโทโมะไปหาหมอ มีหวังเรื่องนี้ไม่จบไม่สิ้นแน่
“ธุระที่ว่า เกี่ยวกับคนสำคัญคนนั้
นรึเปล่า” ผมหันตามมือจุนโนะ โทโมะเดินตรงเข้ามาหาผม
“เมื่อคืน ขอบใจนะจิน”
“อืม”
หลังจากโทโมะเดินจากไปไม่นาน โคกิก็เริ่มคาดคั้นผมอีก
“ไหนบอกว่าไม่มีไรไง แล้ว”เรื่องเมื่อคืน” นี่มันอะไรหรอครับคุณจิน แถมเช้ามาคู่กรณีพันผ้าพันคอซะสูงเชียว” โคกิว่าพลางทำตาเจ้าเล่ห์
“ไม่มีอะไรสักหน่อย ก็แค่เค้าไม่สบายแล้วฉันก็นั่งเฝ้า แค่นี้แหละ เป็นเพื่อนที่ไหน เค้าก็ทำกันแบบนี้ ถ้าแกป่วย ฉันก็เฝ้าเหมือนกันนั่นแหละ แล้วคนเป็นหวัด เค้าก็ต้องการความอบอุ่น แกนี่คิดมากไม่เข้าเรื่องเลย”
“อ่ะนะ จะบอกว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษกับโทโมะจังว่างั้นเถอะ”
“จะไปพิเศษได้ยังไง โทโมะจังเค้าเป็นผู้ชายนะ ถึงหน้าตาจะเหมือนผู้หญิงยังไง แต่เค้าก็เป็นผู้ชายอยู่ดี”
“งั้นหรอ ... จริงสินะ วัยหนุ่มคึกคะนองเยี่ยงม้าศึกอย่างเราก็ไปหาสาวๆ สวยๆ ที่ทั้งอวบและอึ๋มน่าจะดีกว่าไม้กระดานตากแห้งอย่างนั้น ... จริงมั้ยจุนโนะ”
“..อืม”
“จิน.... อย่าน่า นี่มันห้องเรียนนะ”
“เย็นขนาดนี้แล้ว คงไม่มีใครเห็นหรอกน่า”
“ไหนตอนแรกบอกว่าไม่สนฉันไง แล้วทำไมตอนนี้...”
ผมไม่ปล่อยให้ฮานะพูดอะไรมากกว่านี้ ผมรู้ว่ามีสายตาอย่างน้อยสองคู่จ้องมองผมอยู่ ผมอยากรู้ว่า สุดยอดที่โคกิพูดถึงคืออะไร และอีกอย่างผมอาจจะลืมความรู้สึกวาบหวามที่มีต่อโทโมะได้... แต่ผมไม่รู้ว่ามีคนอีกคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน
หลังจากเสร็จเรื่องจากฮานะแล้ว เราแยกกันตรงหน้าประตูโรงเรียน แต่แล้วเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นอีก
“จิน กลับบ้านด้วยกันนะ”
“นี่ดึกป่านนี้ นายยังจะมารอฉันทำไม”
“ฉันมีเรื่องจะถามน่ะ”
“เรื่องอะไร”
“รอยนี่... เป็นฝีมือจินรึเปล่า” โทโมะคลายผ้าพันคอออก
“จะใช่หรือไม่ใช่ แบบไหนมันจะดีกว่ากันล่ะ................. ถ้าฉันบอกว่า มันเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ นายจะว่ายังไง”
“อารมณ์ชั่ววูบ?? ... จิน ฉันมีอีกเรื่องอยากจะถาม จินอายใช่มั้ยที่มีฉันคอยตามอยู่แบบนี้ ถ้าฉันไป จินจะมีความสุขกว่าใช่มั้ย”
ผมเห็นโทโมะเม้มปากแน่น ในเมื่อเรื่องมันก็ดำเนินมาขนาดนี้แล้ว ผมจะบอกความต้องการของผมออกไปดีมั้ยนะ ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการโทโมะ แต่ไม่อยากต้องเสียหน้าในกลุ่มเพื่อนก็เท่านั้น... เราอยู่ด้วยกันตอนอยู่บ้านได้มั้ย ที่ไม่ใช่ที่โรงเรียน คำขอร้องของผมมันเห็นแก่ตัวไปรึเปล่า
“จินคงอยากให้เป็นแบบนั้นสินะ ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วล่ะ เรื่องของฮานะก็ด้วย”
“โทโมะ ... เห็นหรอ??”
“ฉัน... เข้าใจแล้วจิน จากนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับจินอีก”
“เดี๋ยวโทโมะ...”
“ปล่อยเถอะจิน เดี๋ยวถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จินจะมาโทษว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบอีก”
....................................................................................................................................
“ไงจิน วันนี้ดูโทรมๆ นะเว้ย เมื่อคืนหนักหรอ” โคกิเพื่อนสนิทผมเดินมาทักทาย
“อืม ไม่ได้นอนเลย” ผมนอนไม่หลับทั้งคืน ความรู้สึกสองฝักสองฝ่ายต่อสู้กันเองในตัวของผม
“ว้าว บอกแล้วว่ายังไงซะ สาวๆ มันก็ต้องเร้าใจกว่าประตูหลังล่ะวะ” ยูอิจิ เพื่อนอีกคนหัวเราะอย่างชอบใจ ความรู้สึกขุ่นเคืองเกิดขึ้นในใจผม แต่ผมก็รีบขจัดมันออกไปอย่างรวดเร็ว ก็มันจริงอย่างที่ยูอิจิพูด แล้วผมจะโกรธทำไมกันล่ะ
“ฉันดีใจจริงๆ เลยที่แกเลือกที่จะชอบผู้หญิง เพราะความรักแบบนั้นมันไม่จีรังหรอก แล้วนี่โทโมะจังเค้าเลิกตามแกรึยัง” โคกิถาม
“คงเลิกตอแยไปแล้วแหละ ก็ดีนะจะได้ไปไหนแบบไม่มีปลิงซะที” แปลก... ทุกคำพูดของผม ทำให้ผมเจ็บแปลบในอก ...
“เออ แต่จะว่าไป เจ้านั่นก็หน้าหวานอยู่นะ ถ้าดูแต่หน้าคงมีอารมณ์ได้ไม่ยาก ว่าไปแล้วก็อยากลองดูบ้าง เผื่อมันจะติดใจฉัน แล้วหันมารอฉันบ้าง อาจจะเป็นประสบการณ์ม.ปลายที่ลืมไม่ลงก็ได้นะ”
ยูอิจิพูดได้แค่นั้น ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป หมัดลุ่นๆ ของผมกระแทกเข้าใบหน้าของยูอิจิเข้าอย่างจังจนเจ้านั่นลงไปกองกับพื้น โคกิตกใจรีบจับผมไว้ เพื่อนในห้องที่เหลือจับตัวยูอิจิที่หมายจะเข้ามาเอาคืน
“นายอย่าดูถูกโทโมะแบบนี้อีกนะ อย่าดูถูกความรักของเขาอีก” ผมโพล่งและสะบัดแขนออกจากมือโคกิ
ผมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วผมโกรธอะไร โกรธยูอิจิที่ดูถูกโทโมะจัง หรือจริงๆ แล้วผมโกรธตัวเองที่ไม่ยอมปกป้องโทโมะจัง หรือจริงๆ แล้วผมโกรธตัวเองที่ผมไม่ยอมรับตัวเอง เรื่องคืนนั้น... มันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบเลยสักนิด ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความต้องการของหัวใจผม มันกลับห้ามไว้ไม่อยู่ ผมได้ฝากรอยรักที่แสนเจ็บปวดไว้ให้กับโทโมะไปแล้ว
หลังจากเกิดเรื่องที่ทะเลาะกันวันนั้น โทโมะจังก็ไม่ได้มารอผมที่หน้าโรงเรียน ตอนแรกผมรู้สึกกลัว เพราะไม่รู้ว่าโทโมะจังโกรธผมรึเปล่า แต่พอผมไปหาเค้าที่บ้านในตอนเย็น เค้าก็ดูไม่ได้โกรธเคืองอะไรผม ผมก็เลยตัดสินใจให้ความสัมพันธ์ของเราดำเนินไปเท่าที่อยู่บ้าน ผมยังคงสนุกสนานกับบรรดาผองเพื่อน และกลับมาคุยให้โทโมะฟังในตอนเย็นๆ ทุกวัน แม้ผมจะรู้สึกถึงความเย็นชาของโทโมะในบางครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะสิ่งที่ผมทำกับเขา มันมากกว่านั้นหลายเท่านัก
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจแล้วว่าผมจะไม่หนีตัวเองอีกต่อไป... ผมรักโทโมะจัง...
“จินจะไปไหนล่ะลูก เพิ่งกลับมาแท้ๆ “
“ไปทำงานพิเศษครับแม่”
“เดือดร้อนเรื่องเงินหรอลูก ค่าขนมไม่พอรึเปล่า”
“เปล่าครับ ผมแค่อยากซื้อของขวัญวันเกิดดีดีให้โทโมะจังบ้าง ปีที่แล้วก็ไม่ได้ให้อะไรเค้าเลย”
“ก็จินน่ะ ชอบหาเรื่องทะเลาะกับโทโมะจังช่วงวันเกิดตลอดเลยนี่นา”
“แต่ปีนี้จะไม่เป็นแบบนั้นแล้วครับ ผมไปนะครับแม่” ผมรีบวิ่งไปยังร้านอาหารซึ่งเป็นสถานที่ทำงานพิเศษและไม่มีโอกาสได้ยินประโยคหนึ่งจากปากของแม่
“ถ้าเวลามีพอจนถึงวันเกิดโทโมะจังก็คงจะดีนะจิน”
“แม่ครับ บ้านนู้นเค้าไปไหนกันหรอครับ ผมไปกดกริ่งอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นมีใครเปิดประตูเลย”
...เกร๊งงงง.... เสียงแม่ปล่อยทัพพีลงบนพื้น
“มีอะไรรึเปล่าครับแม่ ดีนะครับเนี่ย ที่มันไม่โดนเท้าเอา”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ จินนั่นแหละ มัวแต่ทำงานพิเศษ นี่ไม่ได้ไปหาโทโมะจังมากี่วันแล้วล่ะ”
“สองอาทิตย์ได้แล้วมั้งครับ ครบกำหนดจ้างวันนี้แหละครับ ผมซื้อของมาแล้วด้วย ไม่รู้ว่าโทโมะจะชอบรึเปล่า จะว่าไปก็ลืมถามเค้านะครับ ว่าอยากได้อะไร”
“แม่ว่า...สิ่งเดียวที่โทโมะอยากได้มาตลอด ก็คือ...” แม่หันหลังให้ผม เสียงขาดๆ หายๆ ของแม่ทำให้ผมใจไม่ดี
“ สิ่งที่โทโมะอยากได้ ก็คือ... การได้เป็นคนรักของลูก”
“คนรัก...ของผมงั้นหรอ... แม่ร้องไห้ทำไม มีอะไรรึเปล่าครับ”
............ปัง.......
เสียงประตูหน้าบ้านเปิดออก ผมทิ้งความสงสัยวิ่งออกไปดู แต่เมื่อวิ่งไปถึงกลับต้องเพิ่มความสงสัยขึ้นไปอีก
“จุนโนะ”
“ออกมากับฉันหน่อย มีเรื่องจะพูดด้วย” จุนโนะลากผมมาที่สวนสาธารณะ
“แกมีอะไรก็รีบพูดมา ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแม่อีก”
“จิน ... แกรู้เรื่องโทโมะมั้ย ”
“วันนี้มันอะไรกันนักหนาเนี่ย มีแต่คนพูดเรื่องโทโมะที่ฉันไม่เข้าใจทั้งนั้น”
“แกรู้อะไรมั้ย ว่าฉันก็ชอบโทโมะเหมือนกัน ชอบตั้งแต่แรกเห็น แต่เพราะสายตาเค้ามีแต่แก ฉันก็เลยคิดว่า ถ้าวันหนึ่งแกไม่ได้อยู่ในใจของโทโมะ ถ้าเค้าเกลียดแก ฉันจะมีโอกาสได้รับความรักแบบนั้นบ้าง... ฉันทำท่าเหมือนรังเกียจความรักของพวกแก เพื่อให้โคกิกับยูอิจิกดดันแก เรื่องฮานะ ... โทโมะเห็นทุกอย่างก็เพราะฉัน แต่แกรู้มั้ยขนาดฉันทำขนาดนี้ ในใจเค้าก็มีแต่แก...”
“จุนโนะ” ยอมรับว่าผมโกรธมาก ผมคงชกหน้าคนตรงหน้าให้สาสมกับความโกรธ ถ้าผมไม่เห็นน้ำตาของจุนโนะซะก่อน เจ้านี่ไม่ใช่คนอ่อนไหวอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
“แกคงไม่ได้เรียกฉันออกมาเพื่อประจานความเลวของแกเท่านั้นหรอกนะ”
“โทโมะ .... โทโมะกำลังจะตาย”
โลกทั้งโลกหมุนคว้าง สมองขาวโพลนแล้วก็พลันหนักอึ้ง ขาทั้งสองข้างที่ยืนอยู่บนพื้นทรุดลงไม่เป็นท่า ผมหัวเราะพร้อมๆ กับน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับคนบ้า
“แกจะเล่นมุกไหนอีก จุนโนะ จะบอกว่าโทโมะเป็นโรคร้ายแล้วให้ฉันตัดใจรึไง”
“ฉันไม่ได้โกหกแก โทโมะเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เช้ามืด ฉันรู้เพราะฉันโทรหาเค้าเมื่อเช้า แม่เค้าเป็นคนรับ”
“เค้าบอกฉันว่า เค้าอยากได้ของขวัญวันเกิดจากแก........ “ พูดจบจุนโนะก็เอาแต่ร้องไห้
ร่างบางภายใต้เครื่องพันธนาการ ทั้งเครื่องช่วยหายใจ สายน้ำเกลือ ทำเอาใจผมเจ็บปวดไปหมด ปากบางสีชมพูอิ่มที่เคยคลี่ยิ้มให้ผม กลับซีดเผือด แก้มที่เคยซับสีเลือดเวลาเขินอายซีดเหมือนแผ่นกระดาษ ดวงตาโตที่มักมองมาที่ผมหลับพริ้มพร้อมกับหยดน้ำตาเล็กๆ ที่หางตา.... นายคงเจ็บมากสินะ โทโมะ.... เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ.... มันคงสายไปแล้วใช่มั้ยถ้าฉันจะบอกนายตอนนี้ว่าฉันชอบนาย.... ไม่สิ.... ฉันรักนายต่างหาก
ผมกลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมปล่อยให้มันไหลโดยไม่อาย โทโมะค่อยๆ ลืมตามองดูผม และพยายามที่มอบรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดให้ผม.... ฉันทำร้ายนายขนาดนี้ นายยังรักฉันอยู่อีกหรอ
“ จิน... มา.... จริง...ๆ ..ด้วย ฉันดีใจ..จริงๆ”
“ นายไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะอยู่ที่นี่กับนายตลอดเลย อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดนายแล้วไง เราจะไปฉลองด้วยกันนะ ชดเชยปีที่แล้วด้วย”
“ฉัน..อยากไป จิน ฉัน... แต่ ไม่ไหวเหนื่อยเหลือเกิน...” ผมมองร่างบางพูดผ่าน หน้ากากออกซิเจนอย่างยากลำบาก ความรู้สึกปวดร้าวแล่นเข้าสู่ขั้วหัวใจ ผมได้กล้ำกลืนความขมขื่นนั้นไว้
“ถ้านายเดินไม่ไหว ฉันจะอุ้มนายไปเอง ตัวนายเล็กนิดเดียวเอง ฉันอุ้มไหวอยู่แล้ว”
“ จิน... คืนนั้น... แค่อารมณ์ชั่ววูบ..จริงๆ นะหรอ”
ผมอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก คำพูดไม่ได้คิดเพียงคำเดียวของผม กัดกร่อนจิตใจคนที่ผมรักได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ไม่มีครั้งไหนที่เป็นอารมณ์ชั่ววูบ... ฉันมีสติดี แม้แต่ตอนนี้ ฉันก็มีสติอยู่ และจะบอกนายอย่างหนึ่ง..... ฉันรักนาย” ผมก้มลงกระซิบข้างหู น้ำตาของโทโมะร่วงลงมา ผมเช็ดมันอย่างเบามือ หยาดหยดที่เท่าไหร่กันแล้วที่ผมทำให้มันร่วงริน
“ฉันดีใจ ที่อย่างน้อย ฉันก็ได้ยินมันตอนฉันยังมีชีวิตอยู่” โทโมะจังฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตายังร่วงมาเป็นสาย
“ฉันมีของขวัญจะให้นายด้วยนะ เป็นเครื่องยืนยันว่าฉันไม่ได้ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ”
ผมหยิบแหวนเงินเกลี้ยงวงหนึ่งสวมให้โทโมะ...
“มันใหญ่ไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรนะ หายแล้ว ถ้านายกินข้าวเยอะๆ ก็จะพอดีเอง เพราะงั้นมาพยายามกันเถอะนะ” ผมหยิบอีกวงใส่ที่นิ้วนางของตัวเอง
“ฉัน... มีความ..สุขมากเลยจิน เหนื่อยแล้ว จินกลับไปเถอะ “
พูดจบโทโมะก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ผมก้มลงจูบหน้าผากคนที่ผมรักก่อนออกจากห้องไป... โดยที่ผมไม่มีโอกาสรู้เลยว่าหลังจากนั้นเราจะไม่ได้พบกันอีกเลย
โทโมะจากผมไปในคืนนั้น ผมปวดใจราวกับมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ สิ่งเดียวที่ยังเชื่อมระหว่างเราคือแหวน ผมได้ไปที่ห้องของโทโมะหลังจากนั้นไม่นาน แม่ของโทโมะจะย้ายบ้าน และอยากให้ผมเข้าไปเก็บของ แล้วผมก็เจอของสำคัญหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเจ้าบันทึกที่ทำให้ผมร้องไห้อยู่ในเวลานี้....
ฉันทำให้จินต้องอึดอัด ความรักของฉันทำให้จินลำบากใจ ... ให้ฉันเลิกรักจิน... คงทำไม่ได้ สิ่งที่ฉันทำได้ คงต้องบอกตัวเองให้อยู่ห่างๆ จินไว้ แม้ใจจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทำ... ถ้าวันหนึ่ง จินมีคนอื่น... ก็ต้องทนเหมือนกัน .... ความสุขของคนที่เรารัก ก็เหมือนความสุขของเรา... ฉันต้องบอกตัวเองแบบนั้นใช่มั้ย .... มันยากจังเลยนะ
ผมทรุดลงและร้องไห้พร้อมกับกอดบันทึกนั้นไว้อย่างไม่อาย อ้อมกอดที่อบอุ่นและรอยยิ้มที่สดใส เสียงหัวเราะและน้ำตา ใบหน้าหลากหลายอารมณ์ของโทโมะ ...ผมจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
จากนี้ไป...ผมจะเป็นคนสานเรื่องราวที่เหลือของโทโมะจัง... ส่วนหนึ่งของผมได้ตายไปกับโทโมะจังแล้ว แต่ส่วนหนึ่งของโทโมะจังยังคงมีอยู่ในตัวของผม.... เพราะเรารักกัน... แม้จะเป็นรักในวันที่สายเกินไปก็ตาม
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
จบแล้วค่ะ จะว่าไปนี่แหละถือเป็นฟิคเรื่องแรกที่แต่งจบจริงๆ
นอกนั้นก็ดองจนแบบว่าเห็ดราเริ่มขึ้น
ก็แบ่งปันความคิดเห็นกันนะคะ ใครมีฟิคน่าสนุกให้อ่าน
ก็บอกกันบ้าง จริงๆ ชอบอ่านฟิคมากกว่า แต่พอไม่มีให้อ่าน
ก็เลยต้องแต่งเองแก้เซ็งไปพลางๆ ก่อนอ่ะคะ
แล้วเจอกันเรื่องหน้า (ถ้าจบ) นะคะ ^___^
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น